Interview Influencer: นุ่น นพลักษณ์

NOBLUK

ผู้หญิงที่มีความมั่นใจในตัวเองคือผู้หญิงที่มีเสน่ห์สุดๆ เช่นเดียวกับผู้หญิงคนนี้ที่เราจะมาทำความรู้จักเธอกัน นุ่น นพลักษณ์ สาวที่มีชีวิตสุดสตรองและความมั่นใจเต็มเปี่ยม หลายคนคงรู้จักเธอในฐานะบิ้วตี้บล็อกเกอร์แถวหน้าคนหนึ่งของไทย

นุ่น – นพลักษณ์ กุลธวัชชัย กับเส้นทางชีวิตสายสตรองตั้งแต่เด็ก ๆ

เส้นทางชีวิตของเธอนั้นเรียกได้ว่าสตรองตั้งแต่เด็ก ๆเนื่องจากที่บ้านประสบปัญหาหลายด้าน ตอนแรกนุ่นกับน้องชายย้ายไปอยู่โรงเรียนประจำ แต่ด้วยค่าเทอม ค่าใช้จ่ายที่สูงจนสู้ไม่ไหว ตัวนุ่นเองได้ทุนโรงเรียน ช่วยงานสหกรณ์โรงเรียน,ช่วยงานประชาสัมพันธ์ จึงไม่เสียค่าเทอม แต่ยังมีค่าเทอมกับค่าใช้จ่ายของน้องชายที่ไม่มีใครจ่าย เธอเลยออกจากโรงเรียนประจำกลับมาอยู่ที่บ้าน เพราะว่าตอนเย็นเธอต้องออกมาหาเงินเลี้ยงน้อง แรกๆ ก็มีแจกใบปลิวที่สยาม เก็บขวดขาย พวกกล่องขนมชั่งกิโลขาย ได้ 200-300 บาท อย่างแจกใบปลิวกว่าจะแจกหมดก็ประมาณ 3 ทุ่ม จะมีเดินกลับบ้านจากสยามกลับรามอินทรา! รายได้ประมาณ 300 บาท ต้องแบ่งให้น้องแบ่งใช้ภายในบ้าน เธอจึงต้องเดินกลับบ้านแต่บางวันก็อาจจะมีนั่งเมล์แถวบางกะปิกลับบ้าง เธอบอกว่าจำได้ว่าตอนนั้นเหนื่อยมาก

ความอดทนเท่านั้นที่ทำให้เธออยู่รอดมาได้

ถ้าเป็นเราเจอบ้างก็ไม่แน่ใจว่าจะตั้งสติได้ขนาดเธอหรือเปล่า เราถามนุ่นว่าเรียนกลางวันกลางคืนทำงานพิเศษ ว่างแล้วก็เก็บของที่โรงเรียนไปขาย แล้วส่วนชีวิตวัยรุ่นกับเพื่อนๆ ในรุ่นเดียวกันละเป็นยังไง นุ่นเล่าว่า “ก่อนจะเกิดเรื่องทุกอย่างก็ยังมีเพื่อน แต่ ม.4-6 ไม่มีเวลาไปคบเพื่อนเลย ตอนเรียนปี 2 ก็เก็บเงินได้ก้อนนึงประมาณ 200,000 บาท ก็เลยจะเอาเงินไปลงทุน ไม่อยากหาเช้ากินค่ำที่มันไม่มั่นคง และบางทีมีค่าใช้จ่ายฉุกเฉินเช่น ค่าชุด รด. น้อง ค่าเรียนพิเศษน้อง”

พอเข้ามหาวิทยาลัย เธอเองก็ต้องปรับตัวกับการมีค่าใช้จ่ายเลยกลายเป็นว่าทำธุรกิจและเป็นธุรกิจแรกที่ปังและทำรายได้ให้ตัวเองกับน้องได้แบบไม่น่าเชื่อ นั่นคือขายเคสมือถือแบบแฮนด์เมด แบบเอาเคสเปล่ามาติดๆ ใครอยากรับงานเสริมก็มาช่วย น้องชายก็มาช่วย รายได้ดีเลยทีเดียวอันนึงกำไรเลยประมาณ 400 บาท เธอยังบอกอีกว่า “เลยคิดว่าถ้าเราออกแบบแล้วหาที่ผลิตน่าจะมีรายได้ก้อนใหญ่ขึ้น ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่าร้านที่เรารับมาเขาก็มีโรงงานที่จีน เราก็เรียนศิลป์จีน เลยจูงมือเพื่อนไปจีน คุยเสร็จก็ส่งดีไซน์ให้เขาทุกเดือน ช่วงหลังๆ พอเราสั่งของเยอะ เขาก็ส่งแคตตาล็อกเผื่อเราอยากขายเพิ่ม ไปๆ มาๆ เลยเป็นกิจการใหญ่ จากคนไม่มีเป็นมีเลย มีเงินส่งน้องเรียน เราส่งเรียนถึงหลานๆ ตอนนั้นรายได้ดีมาก ทำอยู่ซักพักก็มีปัญหานำเข้าสินค้ายาก เลยเริ่มทำคอนแทคเลนส์กับเพื่อนที่เป็นเจ้าของแบรนด์  เราก็เริ่มมีชื่อเสียงจากโซเชียลแคมกับอินสตาแกรม เพื่อนเลยให้เราออกแบบและสั่งผลิตในราคาส่ง จนกลายเป็นทำคอนแทคเลนส์อย่างเดียว ชื่อว่า Dream Color 1”

แล้วบทบาทบิวตี้บล็อกเกอร์บนโลกออนไลน์?

หลังจากประสบความสำเร็จในธุรกิจไปแล้ว ทุกคนก็จะจำนุ่น NOBLUK กับหน้าคมๆ และตาที่ดูลุคอินเตอร์ๆ เธอบอกว่าตอนแรกก็ทำเป็นงานอดิเรกกับการแต่งหน้า เพราะโตมาก็ต้องสรรหาอะไรมาดูแลตัวเองตามประสาเด็กผู้หญิง บวกกับงบน้อยต้องเน้นวีธีดีไอวายเข้าไปอีกเลยกลายเป็นคนแชร์ความรู้เรื่องบิวตี้ในช่วงต้นๆ

จุดเด่นของนุ่นที่ต้องยึดเอาไว้ “เป็นคีย์เวิร์ดที่เสียไปไม่ได้เลยก็คือความเป็นกันเอง” เธอตอบหมดและจะคอยมากดไลค์ทุกคอมเมนท์ เพราะเธอถือว่าทุกเสียงที่เข้ามามีค่าหมด เธอบอกว่าจะไม่ใช่คนเอาผลประโยชน์ตัวเองเป็นหลัก เน้นกลับไปว่าสังคมต้องได้อะไรด้วย เพจของ NOBLUK เลยไม่ใช่แค่เอาค่าจ้างแล้วทำและเราคัดแบรนด์ที่ทำด้วยจนขึ้นชื่อว่าเป็นบล็อกเกอร์ที่สกรีนงานหนักมาก

แล้วทุกวันนี้ล่ะเป็นยังไงบ้าง

ทุกวันนี้ยังเศร้ากับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่มั้ย เธอบอกว่าอะไรที่เกิดขึ้นมาแล้วก็ดีทั้งนั้น ไม่เคยน้อยใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยตรงนี้เราฟังแล้วยังรู้สึกมีกำลังใจกับตัวเองขอบคุณเรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้นของตัวเองไปด้วยเพราะถ้าไม่มีความแย่ในวันนั้นวันนี้เราอาจไม่ใช่คนที่ดีขนาดนี้ก็ได้

อยากทำเพื่อสังคมมากขึ้น

นุ่นเล่าว่ามีโปรเจ็คท์ที่คิดจะทำต่อ เธออยากทำสตูดิโอของเองให้เช่าและทำพื้นที่โรงเรียนสอนแต่งหน้า เธออยากให้เด็กไทยมีความครีเอทีฟ ไม่ใช่แค่ทำตามสิ่งที่ฮิตให้เค้ามีมุมมองจากตัวเองมีพื้นที่ที่ให้โอกาสเรียนกับช่างแต่งหน้าดังๆ ค่าใช้จ่ายไม่เยอะ อาจจะดีลกับช่างแต่งหน้าที่มีจิตอาสา อยากให้คนรักอะไรเหมือนกันมาอยู่ด้วยกัน เรียนเสร็จก็มีมุมเล็กๆ ถ่ายรูปเป็นพอร์ต์ อะไรทำนองนี้

ทุกวันนี้สาวสุดสตรองคนนี้เธอบอกว่าไม่ต้องการอะไรอีก ใช้ชีวิตเหมือนเดิม มีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่แค่นี้